เจาะลึกการรับมือกับปัญหาสิว ที่คุณอาจเคยมองข้าม

วันนี้เราจะมาเจาะลึกไปกับการรับมือกับปัญหาสิว ให้คนเป็นสิวทุกเพศทุกวัยได้เข้าใจกัน ว่าจะมีแนวทาง ทั้งทางการรับมือและแก้ไขกันยังไงได้บ้าง พร้อมแล้วก็ไปตามดูกันเลย

เริ่มที่ประเภทของสิว ที่จะมี 2 ชนิดด้วยกัน คือ สิวอักเสบ และ สิวไม่อักเสบ

ชนิดที่ไม่อักเสบเลยก็จะเป็นสิวอุดตัน สิวหัวดำ ซึ่งเป็นหัวสิวที่ถูกเปิดออกมาแล้ว ส่วนชนิดที่อักเสบก็จะเป็นตุ่มหนอง ตุ่มแดง หรือที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน อย่าง สิวหัวช้าง

วิธีการรับมือปัญหาสิว

กรณีผู้ที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงจะมีการรักษาทั้งยาทา ยาทาน ยาฉีด และเครื่องมืออื่น ๆ แต่ก่อนอื่นเลยผู้ที่เป็นสิวนั้นจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเป็นขั้นไหน ซึ่งถ้าเป็นสิวเกิน 6-7 จุด ขึ้นไป ก็จะถือว่าค่อนข้างเยอะ และทีนี้วิธีการรักษาก็จะเป็นไปตามความรุนแรงของสิวที่เป็น อย่างถ้าเป็นน้อย ๆ อย่างสิวอุดตัน สิวหัวดำ ก็อาจจะเริ่มจาก

1.ยาทา ฆ่าเชื้อ หรือ กรด BHA

ชนิดที่เป็นสบู่ที่มีฤทธิ์ไม่เยอะ ต้องบอกเลยว่าสบู่ที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ นั้นสามารถใช้เป็นตัวช่วยเสริมได้

 2.ยาทาน

สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบ ส่วนมากก็จะได้รับก็จะเป็นยาลดเชื้อสิว หรือที่เรียกว่ายาปฏิชีวนะอีกตัวหนึ่ง จะเป็นกลุ่มของ กรดวิตามินเอ แบบชนิดรับประทาน ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษ ข้อนี้เป็นข้อที่ควรระวังมาก ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งครรภ์  ระหว่างให้นมบุตร และไม่ให้ไม่แนะนำสั่งซื้อตามเว็บไซต์ อินเตอร์เน็ต อันนี้ห้ามเลยนะคะ เพราะว่าเคยเกิดมีวัยรุ่นเสียชีวิตมาแล้วจากการซื้อยารับประทานเอง

3.ยาฉีด

จริง ๆ แล้วยาที่ใช้ฉีด ต้องอยู่ในกลุ่มของทางการแพทย์และส่วนใหญ่ ถ้าหากว่าเป็นสิวอักเสบ แล้วตัวการที่จะทำให้สิวลดการอักเสบลง ทางแพทย์ก็จะใช้ยาในกลุ่มของสเตียรอยด์ และผสมกับตัวยาบางชนิดลงไป เพื่อให้จางนิดหนึ่งแล้วก็ฉีด ลดการอักเสบเฉพาะจุดไป

4.เครื่องมือ

ส่วนมากก็จะมีการใช้แสงสีฟ้า หรือที่เรียกว่า Blue light  ที่จะไปช่วยทำหน้าที่ฆ่าเชื้อสิว และลดการอักเสบของสิวได้จริง แต่ก็อาจจะเกิดผลที่ตามมาทำให้ผิวคล้ำขึ้น และอีกตัวช่วยหนึ่งคือ IPL คือช่วงคลื่นที่มาช่วยลดการอักเสบของสิว และก็ทำหน้าที่ลดรอยที่เกิดจากสิวด้วยค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับเรื่องของสิวที่หลาย ๆ คนแอบสงสัยกันว่า จริง ๆ แล้วสิวมีกี่แบบ แต่ละแบบมีชื่อว่าอะไร และมีวิธีแก้ไขยังไงถ้าหากว่าเป็นเยอะเป็นหนัก รวมถึงการรักษาที่ต้องบอกเลยว่า มีความอันตรายอยู่เหมือนกัน และหากว่าใครที่กำลังเป็นสิวหรือรู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังจะเป็นสิวรีบดูแลผิวหน้าให้ดีเลยนะคะ เพราะถ้าปล่อยไว้นานอาจจะทำให้มีปัญหาใหญ่ที่แก้ยากก็ได้ค่ะ

 

การทาครีมบำรุงก่อนนอน จำเป็นหรือไม่

สาว ๆ ทราบกันไหมเอ่ย ว่าการบำรุงผิวก่อนนอนเนี่ย จะทำให้ผิวมีสุขภาพดีมากกว่าช่วงเวลากลางวันเสียอีก ก่อนจะเข้านอนเราขอแนะนำให้สาว ๆ ต้องล้างมือ ล้างหน้าให้สะอาดก่อนนะคะ ยิ่งหากคุณเป็นสาวขาลุยที่ต้องออกไปทำงานกลางแจ้ง แล้วทาครีมกันแดดตลอด แนะนำว่าต้องใช้ Make up Remover ก่อนล้างหน้าทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตันที่มักจะมาจากครีมกันแดด

ที่สำคัญมาก ๆ คือ อย่าลืมเลือกโฟมล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว เพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดด้วยนะคะ และเพื่อการผลัดเซลล์ผิวหน้า หรือผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตาย สำหรับเตรียมพร้อมให้การบำรุงผิวได้อย่างลึกล้ำลงไปอีก คือการสครับ และควรสครับอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้วค่ะ หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ให้สาว ๆ ใช้โทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้าอีกครั้ง (การใช้โทรเนอร์หลังทำความสะอาดผิวหน้าย้ำลงไป อาจดูเป็นการสิ้นเปลือง แต่วิธีนี้ได้ผลและดีกับผิวหน้ามาก ๆ ) เพราะการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอ ยิ่งสาว ๆ ที่มีรูขุมขนกว้าง และหน้ามัน การใช้โทนเนอร์จะยิ่งช่วยได้เป็นอย่างดีเลยแหละค่ะ

จบขั้นตอนการล้างหน้าก็คือการบำรุง สาว ๆ ส่วนมากค่อนข้างที่จะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตัว และในบางทีก็อาจจะยังคงใช้ได้ไม่ถูกว่าตัวนั้นควรใช้ก่อน ตัวไหนควรใช้หลัง ซึ่งวันนี้เราก็มีขั้นตอนการใช้ครีมที่ถูกวิธีมาบอกกันค่ะ การใช้ครีมบำรุงผิวแบบง่าย ๆ คือ เริ่มจากเนื้อเหลวไปเนื้อข้นค่ะ เริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำ หรือ Water Essence ซึ่งเนื้อผลิตภัณฑ์จะค่อนข้างซึมลงผิวได้ง่ายและรวดเร็ว ต่อไป ให้สาว ๆ ทาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อเซรั่ม ซึ่งลักษณะของเนื้อเซรั่มนั้นจะออกข้น หนืดเล็กน้อย และสีจะออกเป็นขุ่น ๆ โดย ทั้ง 2 ตัว อย่าง Essence และ เซรั่ม จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมมาก ๆ กับทุกสภาพผิว จากนั้นให้ตามด้วย โลชั่น หรือ Emulsion

ขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการบำรุงผิวหน้าก่อนนอน เพื่อเตรียมรับเช้าวันใหม่แสนสดใส คือ การทาครีม ที่จะข้นและหนาที่สุด และในส่วนของเนื้อครีมนั้นจะเข้าไปช่วยล็อกทุกการบำรุงตั้งแต่ชั้นแรก ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ส่วนสาว ๆ คนไหนที่เป็นสิวนั้น ให้ใช้ยาแต้มสิวแต้มบริเวณที่เป็นหลังจากทาครีมเลยนะคะ เพื่อเช้าตื่นมาจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของปัญหาสิวที่เกิดขึ้น รวมถึงผิวหน้าที่ได้บำรุงไปด้วย และวิธีการต่าง ๆ ทั้งหมดนี้อาจทำให้สาว ๆ มีผิวพรรณที่สวย กระจ่างใส ไม่มีปัญหาผิวหน้ามากวนใจแน่นอน เมื่อรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมแชร์บอกต่อเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ

 

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าถูกต้อง ก็มีชัยไปเกินครึ่ง

จากการทดสอบมาหลายต่อหลายครั้ง ที่มีผู้คนเกิดอาการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไม่ถูก และผลที่ตามมาก็มักจะมีอาการของผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิว รอยแพ้ ความเปลี่ยนแปลงในการใช้ผลิตภัณฑ์ไปในทางที่แย่จากที่ควรจะดี เพราะผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็หมายความอย่างลงตัวว่า ทำความสะอาดผิวหน้า และการที่ต้องมามีปัญหาในการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่จริงแล้วควรเป็นยังไง ใช้แบบไหน และการที่เข้าใจอย่างที่ผ่าน ๆ มานั้นถูกต้องแค่ไหน วันนี้เรามีคำตอบให้กับทุกคนแล้วค่ะ

ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ดีควรมีค่า pH ประมาณเท่าไหร่

ผิวหนังของคนเราเนี่ยนะคะ จะมีค่า pH หรือที่เรียกว่าค่าความเป็นกรด ด่าง เป็นกรดอ่อน ๆ อยู่แล้วคือประมาณ pH  4.5-6.5 คือ pH ที่ต่ำกว่า 7 จะถือว่าเป็นกรด สูงกว่า 7 จะถือว่าเป็นด่าง pH จะถือว่าเป็นกลางผิวหนังของคนเราเนี่ยจะมีน้ำมัน หล่อเลี้ยงผิวหนัง โดยที่ให้ความชุ่มชื้นอยู่ น้ำมันหล่อเลี้ยงเหล่านี้ จะมีค่า pH อยู่ที่ 4.5-6.5 ก็คือเป็นกรดอ่อน ๆ เพราะฉะนั้น การเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะเอามาล้างกับผิวหน้าจะต้องให้มีค่าความเป็นกรดด่าง หรือ pH ให้ใกล้เคียงกับผิวหนังของเรา ก็คือ จะต้องเป็นกรดอ่อน ๆ หรือถ้าจะเป็นด่างต้องไม่ด่างสูงเกินไปกลาง ๆ ได้ก็ยิ่งดี

ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สูงเกินไป

ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สูงเกินไป ก็คือเป็นด่างมาก ๆ ถ้าเปรียบเทียบก็จะเหมือนกับการใช้สบู่เลย จะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าจะแห้ง ตึง หยาบกร้าน  แล้วก็อาจจะเกิดการระคายเคือง จนไปถึงอักเสบได้

ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ต่ำเกินไป

ถ้าค่า pH ต่ำกว่าผิวหนังของคนเรา คือต่ำกว่า 4.5 ลงไป ก็สำหรับบางคนอาจจะเกิดการระคายเคือง เป็นตุ่มแดง คล้าย ๆ กับการแพ้ครีม แพ้เครื่องสำอางเลย ฉะนั้นแล้วเลือกดูดี ๆ เพราะบางที เค้าอาจจะไม่ได้ใส่แต่ สารประกอบประเภทวิตามิน ที่เรามั่นใจ อาจจะมีใส่สารปรอท เพื่อเร่งขาวได้

น้ำเกลือช่วยรักษาสิว?

น้ำเกลือมีค่า pH เป็น 7 ก็คือเป็นกลาง ส่วนถ้าเอามาล้างหน้าก็สามารถล้างได้ เพราะไม่มีความเป็นด่างที่มากเกินไป แต่ว่าน้ำเกลือไม่สามารถมารักษาสิวได้นะคะ เพราะน้ำเกลือไม่ได้มีส่วนที่ทำให้ ฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อโรค แค่เป็นตัวล้างแผล เวลาที่เราเกิดแผลเท่านั้นเอง ถ้าเทียบแล้วก็จะเหมือนน้ำสะอาดอย่างหนึ่งนะคะ ซึ่งจะต้องไปซื้อก็อาจจะเสียเงินเยอะเกิน ถ้าใครจะมาหวังว่า ล้างน้ำเกลือเพื่อรักษาสิวไม่ใช่นะคะ มันก็แค่เป็นการล้างน้ำสะอาด ชนิดหนึ่งที่ปราศจากเชื้อโรค

และในวันนี้ข้อมูลทั้งหมดที่เราได้นำออกมาให้ทุก ๆ คนได้ทราบแล้วถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รวมไปถึงการเลือกใช้สิ่งที่เคยคิดว่าใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ หากว่าคุณเองยังคงเข้าใจแบบเดิม ๆ อยู่อยากให้ลองปรับเปลี่ยนใหม่นะคะ อาจจะทำให้การเลือกใช้ผ่านไปได้ด้วยดีด้วยนั่นเองนะคะ

 

การบำรุงที่อาจลืมบางอย่าง จนก่อให้เกิดปัญหาสิว

การบำรุงผิวพรรณ ถ้าเปรียบเทียบดูแล้ว คนส่วนใหญ่มักสักแต่ซื้อครีมทาหน้า ทาตัว รีบนำเอามาทา เอามาลอง เห็นเพื่อนกำลังฮิตตัวไหน มีครีมติดกระแสกันหน่อยก็รีบซื้อมาใช้ โดยในหลาย ๆ ครั้งเรากลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นฐานผิวพรรณของเราเลย บางคนมีลักษณะผิวที่แห้ง บางคนผิวมัน บางคนผิวแพ้ง่าย โดนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แพ้แล้ว และวันนี้แหละค่ะที่เราจะพาสาว ๆ มารู้วิธีของการดูแลผิวหน้า และมาดูกันว่าจะมีใครแอบอมยิ้มให้กับวิธีที่ว่านี้กันหรือเปล่า ไปติดตามอ่านกันเลยดีกว่านะคะ…

มีบรรดาสาว ๆ หลาย ๆ คนเอง ยังไม่รู้ถึงสภาพผิวของตัวเองดีนัก แต่ก็เลือกที่จะอยากลองกับผลิตภัณฑ์ออกใหม่เสมอ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ก็ดีหมดนะคะ ถ้ามีมาตรฐาน ผ่าน อย. เว้นแต่ว่าเราจะแพ้จริง ๆ เท่านั้น และสิ่งแรกเริ่มที่ต้องขอออกมาบอกเลย ว่าคนเรามักชอบละเลยเป็นที่สุดก็คือ

1.การล้างมือ

บางครั้งบางทีกลับมาจากการเรียน การทำงานเหนื่อย ๆ ปุ๊บ เราเข้าห้องน้ำก็บีบผลิตภัณฑ์ล้างหน้าใส่มือ แล้วก็ถูไปที่หน้า ทั้ง ๆ ที่มือก็ยังไม่ได้ล้างเลย แล้วที่เรายังไม่ได้ล้างก็ละลายไปกับผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับหน้าเรา ฉะนั้นแล้วเราต้องฟอกมือก่อน ล้างมือก่อนเป็นอันดับแรก

2.เช็ดเครื่องสำอาง

ถ้าเราแต่งหน้าทำผม ให้เราเช็ดเครื่องสำอางก่อนที่จะเราจะล้างหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก่อนก็ได้ ค่อย ๆ เช็ด ก่อนเช็ดก็อาจจะเปิดผิวด้วยน้ำอุ่นก่อน อาจจะใช้สำลีชุบน้ำอุ่นนิดหนึ่ง แล้วถึงทำการเช็ดผิวหน้า เพื่อให้การเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

3.จัดการรวมผม

บางคนอาจจะแต่งผมด้วย ซึ่งเราจะพลาดตรงนี้ไป เรามักจะเช็ดหน้าก่อนแล้วไปสระผม ขั้นตอนการเช็ดหน้าอาจจะยังไม่รวบผมก็ได้ แต่หากล้างหน้าแล้วไปสระผมเลย ปัญหามันก็คือ พวกสเปรย์มันก็จะกลับมาที่หน้าเราอยู่ดี  แล้วเราก็จะคิดว่าล้างหน้าแล้ว เราก็ไม่ล้างต่อ เราก็อาบน้ำเลย มันก็จะจะเกิดปัญหาไอตัวสิ่งที่มันอยู่ในผม พวกสเปรย์ทั้งหลายมันก็ละลายกับแชมพู มันก็จะไหลไปตามจร ใบหู คาง  เรา สุดท้ายก็เกิดเป็นผดผื่นขึ้น เกิดสิวขึ้นมาได้ นั้นเอง

และในส่วนที่มีคนบอกว่าการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นไม่ดี จริง ๆ แล้วคนเกาหลี คนญี่ปุ่น ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรือน้ำเกือบร้อนเลยด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเปิดรูขุมขน ทำให้สิ่งสกปรกที่มันอุดไปหายได้  มันละลายได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามแต่นะคะ การล้างมือก็เป็นการทำความสะอาดในขั้นตอนแรก และส่งผลให้ขั้นตอนอื่น ๆ ที่ตามมานั้นสะอาด  จุดบกพร่อง รวมไปถึงไม่ทำให้ผิวหน้าของเรามีปัญหาในเรื่องสิว เมื่อสิวไม่มา รอยสิว รอยจุดด่างดำ ความหมองคล้ำก็ไม่มีมาให้เห็นแน่นอนค่ะ

 

เทคนิคการแต่งหน้าให้รอด ถ้าคุณทำรับรองเลยว่าสวยขึ้นเป็นกอง

เรื่องราวของความสวยความงามของผู้หญิง บอกเลยว่าเป็นวิธีการที่จะทำให้เธอนั้นตอบคำถามให้กับตัวเองได้เป็นอย่างดีว่า แท้จริงแล้วอะไรบ้างที่เหมาะกับเขา ฉะนั้นแล้วก็คงไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดถ้าจะพบว่าเครื่องมือเสริมความงามของเธอทำไมถึงมากมายไก่กอง และหลัก ๆ เลยที่ขาดไม่ได้ ก็คือ “การแต่งหน้า” ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มเติมความงามแล้วยังช่วยบำรุงซ่อมแซมในบางจุดอีกด้วย

การแต่งหน้ามีหลายขั้นตอนมีหลายวิธีการ และวิธีการก็ไม่ได้มีถูกต้องหรือผิดเสมอไป อาจเพียงขึ้นอยู่ที่ความไม่รู้เท่านั้นเอง และหากสาว ๆ เองอยากที่จะรู้เพิ่มเติมแล้วละก็อย่ารอช้าอยู่เลยนะคะ

1.ปัญหาของรองพื้น

อันดับแรกปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยมากเกี่ยวกับการเกลี่ยรองพื้นไม่เนียน หรือเกลี่ยได้ยากเกิดจากการใช้รองพื้นในปริมาณที่มากเกินไป วิธีการง่าย ๆ ถ้าเกิดว่าเป็นลักษณะขวดปั๊ม อย่ากดจนสุดหัวปั๊มนะคะ พยายามกดมาทีละน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ แตะไปทีละจุดเพราะไม่อย่างนั้นการใช้มากเกินไปอาจทำให้รองพื้นไปกองอยู่ที่ผิวผิวหน้าก็จะไม่เรียบไม่เนียนสักที

2.เลือกใช้คอลซีลเลอร์ลบรอยสิว รอยดำ แผลเป็น

คอลซีลเลอร์สีสว่าง  ควรเหมาะกับการลง ใต้ตา คอลซีลเลอร์สีเข้มควรเหมาะกับการลบรอยสิวรอยแผลเป็นเพื่อที่จะให้สีนั้นได้กลมกลืนไปกับสีผิวของเราด้วย แต่ถ้าหากว่าใช้สีสว่างไปลบรอยสิวแบบนั้น ก็อาจจะทำให้รอยสิวหรือรอยแผลเป็นดูชัดขึ้นกว่าเดิมนั่นเองนะคะ

3.บลัชออน กับ เฉดดิ้ง

หลายคนใช้ บลัชออน และเฉดดิ้ง ไปด้วยนอกจากจะประหยัดเครื่องสำอางและยังประหยัดเวลาไปด้วยแต่นั้นก็ยังเป็นการวิธีที่ผิดอยู่ดี หาก บลัชออน เป็นสีชมพู ส้ม นู้ด ๆ ที่เหมาะกับการปัดหน้าแก้ม ซึ่งจะไป เฉดดิ้ง ด้วยก็คงไม่เหมาะเลยและสีที่จะเหมาะกับการ เฉดดิ้ง มาก ๆ ก็คือ เฉดดิ้ง ด้วยสีน้ำตาลเพื่อสร้างแสงและเงาที่ชัดเจน

4.ปัญหาผิวหน้าเป็นร่อง 

ปัญหานี้พบเจอได้บ่อยสำหรับผู้หญิงที่เกิดผิวหน้าเป็นร่อง ที่เกิดจากการกด ทับ ด้วยแป้งฝุ่นทันทีหลังจากทาคอลซีลเลอร์ไปแล้ว ซึ่งในส่วนของแป้งฝุ่นนั้นจะไปทำหน้าที่ล็อกเนื้อคอลซีลเลอร์ให้อยู่กับที่ ไม่สามารถขยับตามผิวเราได้  ไม่ว่าจะพูด ยิ้มหรือหัวเราะ ก็จะเกิดเป็นร่องขึ้นทันทีฉะนั้นแล้วหลังลง คอลซีลเลอร์ เสร็จให้ใช้แปรงแตะแป้งเบา ๆ แล้วซับเข้าที่บริเวณใต้ตาก็พอเพื่อลดความมันของ คอลซีลเลอร์ออก จะทำให้ คอลซีลเลอร์ขยับตามเราได้ด้วย

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เราก็ขอฝากเอาไว้เป็นเทคนิคเสริม หรือข้อแนะนำดี ให้สาว ๆ ได้เรียนรู้และสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้นะคะ

 

แว่นกันแดดสวย ๆ แบบไหน ที่เหมาะกับรูปหน้าของคุณ

“แว่นกันแดด” ไอเทมที่ให้ประโยชน์มากกว่าแค่แฟชั่น เรียกว่าจำเป็นเลยทีเดียวสำหรับยุคที่แสงแดดและความร้อนดูน่าสะพรึงกลัวมาก โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ต้องขับรถกันตลอดวัน หากฟิล์มรถของคุณกรองแสงได้ไม่ดีพอ อย่ารีรอที่จะใส่แว่นกันแดดเพิ่ม เพื่อปกป้องดวงตาคู่สวยของคุณ แต่หากสาวคนไหนยังหาแว่นกันแดดถูกใจไม่ได้ คุณไม่ควรลังเลแล้ว ลองไปดูเทคนิคการเลือกแว่นกันแดดที่เหมาะกับรูปหน้าไว้ใช้คู่กายสักอัน ขับรถก็ได้ ไปเที่ยวก็ดี ที่สำคัญถ้าเลือกได้ดี ก็สามารถอัพลุคของคุณให้ดูดีขึ้นได้ด้วยนะ

สาว ๆ แต่ละคนมีรูปหน้าที่แตกต่างกัน การเลือกแว่นกันแดดที่เข้ากับรูปหน้าจึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะทำให้คุณดูดีขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยให้คุณประหยัดได้อีกด้วย การลงทุนเลือกซื้อแว่นดี ๆ สักอัน ได้ทั้งคุณภาพ และการถนอมดวงตา ลงทุนครั้งเดียวเก็บไว้ใช้ได้ยาว ๆ แค่นี้ก็คุ้มแล้ว

เทคนิคการเลือกแว่นกันแดดให้เข้ากับรูปหน้า

  1. สาวหน้ากลม มีแก้มป่อง ๆ น่ารัก มีคางน้อย ๆ สัดส่วนใบหน้าใกล้เคียงกัน แว่นกันแดดที่เหมาะสำหรับคุณคือ แว่นกันแดดที่มีกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลีกเลี่ยงกรอบรูปทรงกลม เพราะจะทำให้แก้มป่อง หน้ากลมขึ้นไปอีก
  2. สาวหน้าเหลี่ยม มีโครงหน้าบริเวณกรามที่ชัดเจน แว่นกันแดดที่เหมาะกับคุณ คือ แว่นทรงกลม หรือทรงมนก็ได้ จะช่วยเพิ่มความสมดุล และลดความเหลี่ยมลงได้เป็นอย่างดี
  3. สาวหน้ายาว คุณสามารถเลือกแว่นแฟชั่นทรงโต ๆ กรอบโอเว่อร์ไซส์ได้เลย เพราะจะช่วยทำให้พื้นที่บนใบหน้าคุณดูลดลง สมส่วนมากขึ้น
  4. สาวหน้ารูปหัวใจ ช่วงบริเวณหน้าผากจะกว้างสักนิด และไล่เล็กลงมาจนถึงบริเวณคาง แว่นกันแดดที่เหมาะกับคุณ คือแว่นทรงแคทอายส์ ที่จะช่วยลดความกว้างของหน้าผากลง และเสริมช่วงคางให้ดูเด่นขึ้น
  5. สาวหน้ารูปไข่ คุณเป็นสาวที่โชคดีมากมาย เพราะใส่แว่นกันแดดทรงไหนก็ได้ แค่อย่าเลือกแบบที่ใหญ่จนบัดบังใบหน้าของคุณจนมากไปก็เท่านั้นเอง สวยทุกแบบอยู่แล้ว

รู้หลักการเลือกแว่นกันแดดให้เข้ากับรูปหน้าแล้ว ทีนี้สาว ๆ ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะใส่แว่นกันแดดแบบไหนถึงจะสวย ถ้าจะให้ดีจริง ๆ ควรเลือกแว่นกันแดดที่มีคุณภาพดี จะดีกว่า เพราะดวงตาของเราสำคัญมาก อย่าเน้นสวยตามแฟชั่นอย่างเดียว เปลี่ยนทรงเปลี่ยนแบบไปเรื่อย ๆ เพราะจะกลายเป็นไม่เกิดประโยชน์ แถมจ่ายมากโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก เพราะแว่นแฟชั่นบางยี่ห้อ เลนส์จะเป็นพลาสติกที่ไม่ได้มีประโยชน์ในการป้องกันแสงแดดอะไรเลย เรียกว่าสวยอย่างเดียว สาว ๆ รู้แบบนี้แล้ว คงตัดสินใจซื้อแว่นกันแดดแบบมีคุณภาพมาใช้กันได้แล้วนะ

 

สายสร้อย กับชุดสวย แมทช์แบบไหน สร้างสไตล์สร้างความโดดเด่น

ผู้หญิงที่แต่งตัวเก่ง แต่งตัวเป็น จะรู้ดีว่าเครื่องประดับมีความสำคัญต่อภาพของเธออย่างไร เพราะนอกจากจะเป็นส่วนที่ช่วยเสริมให้ชุดที่ใส่ดูสวยขึ้นแล้ว ยังช่วยเรื่องการสร้างสมสมดุลให้กับรูปร่างอีกด้วย จึงไม่แปลกเลย ที่ผู้หญิงจะมีเครื่องประดับกันเหมือนเป็นคลังสินค้าย่อม ๆ และหนึ่งในไอเทมสำคัญ ที่ช่วยสร้างความกลมกล่อมในการแต่งตัวได้เป็นอย่างดี นั่นคือ “สายสร้อย” นอกจากจะเสริมความโดดเด่นน่ามองแล้ว สายสร้อยยังทำให้รูปร่างของคุณ และสไตล์ของชุดดูลงตัวมากขึ้นอีกด้วย

สายสร้อยมีมากมายหลายรูปแบบ แต่ไม่ใช่ว่าสาว ๆ เห็นว่าเส้นนี้สวย ก็เลือกมาใส่ได้เลยนะ ต้องดูด้วยว่าชุดที่ใส่นั้น เป็นอย่างไร เหมาะกับสายสร้อยแบบไหน หากยังไม่เคยรู้ ลองไปดูทริคต่าง ๆ กันได้เลย

  1. เสื้อคอกลม ที่ค่อนข้างเปิดให้เห็นส่วนคอสูง หรือแม้แต่เสื้อยืดธรรมดา ถ้าได้สายสร้อยเส้นยาว ๆ สักเส้น จะทำให้ช่วงคอของคุณสาว ๆ ดูยาวขึ้นมา ทำให้รูปร่างดูเพรียวขึ้นด้วย
  2. เสื้อเชิ้ต ติดกระดุมที่คอ สายสร้อยเส้นยาว ห้อยจี้เด่น ๆ สักชิ้น จะทำให้คุณดูเท่ มีสไตล์มากขึ้นทันที
  3. เสื้อคอเต่า เสื้อที่สร้างความสง่างามให้กับคุณได้อย่างง่ายดาย และเป็นเสื้ออีกแบบที่ควรใส่กับสายสร้อยเส้นยาว ทำให้คุณดูมีราศีขึ้นมาอีก
  4. เสื้อเกาะอก โชคเกอร์ เป็นสิ่งที่เหมาะกับคุณ ทำให้เกิดดีเทลที่โดดเด่นมากขึ้น และไม่แย่งซีนผิวเนียน ๆ ของคุณด้วย แต่ถ้าหากอยากให้ช่วงลำคอดูยาวมากขึ้น สายสร้อยเส้นยาว จะช่วยตอบโจทย์ของคุณได้
  5. เสื้อคอกลม เสื้อคอปก สายสร้อยเส้นสั้น ๆ ระดับต่ำกว่าปกเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มความโดดเด่นได้เป็นอย่างดี
  6. เสื้อคอสี่เหลี่ยม ควรเลือกสร้อยที่มีจี้เป็นทรงเรขาคณิต หรือทรงเหลี่ยมเหมือนกัน จะเพิ่มเรื่องราวที่ไปในทางเดียวกันได้ดี
  7. เสื้อคอเว้า ค่อนข้างลึก สายสร้อยเส้นโต ๆ ไม่ยาวเกินคอเสื้อนี่แหละ เข้ากันอย่างที่สุด
  8. เสื้อคอปาด เสื้อแบบนี้เหมาะกับสร้อยเส้นยาว เพราะจะช่วยสร้างความสมดุลบริเวณช่วงคอได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณดูมีช่วงคอที่ยาวระหงขึ้นได้ง่าย ๆ
  9. เสื้อคอวี เสื้อสไตล์นี้จะเห็นช่วงลำคอที่ดูยาวอยู่แล้ว แบบนี้สร้อยเส้นสั้น ๆ ไม่ยาวเกินคอเสื้อ จะเหมาะมาก เพราะทำให้มีจุดเด่นมากขึ้น เก๋ไปอีก

เย็นนี้รีบกลับไปเปิดตู้ดูเสื้อผ้าซิ แล้วลองนั่งลิสรายการว่าต้องจัดหาสายสร้อยสักกี่แบบกัน ลองนำทริคเหล่านี้ไปใช้ดู จะได้ไม่พลาดกับการแมทช์สายสร้อยให้เข้ากับเสื้อผ้าของคุณ คราวนี้ไม่ว่าจะแต่งชุดไหน ๆ คุณก็จะดูโดดเด่นมากขึ้น เพราะเลือกใช้สายสร้อยได้แบบแฟชั่นนิสต้ามืออาชีพแล้ว

 

เพิ่มพลัง เพิ่มความโดดเด่น ด้วยการแต่งตัวให้สวย แล้วไปทำงานออฟฟิศ

“สาวออฟฟิศ” คำนี้ดูมีอิทธิพลมากกับชีวิตในหลาย ๆ เรื่องทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเรื่องการการแต่งตัว ผู้หญิงบางคน เอ๊ะหรือหลายคน ถึงกับพูดว่าเป็นสาวออฟฟิศ จะแต่งไปทำไม แต่งไปให้ใครดู ในเมื่อต้องนั่งติดโต๊ะทำงานแทบทั้งวัน จริง ๆ แล้วก็คุณนั่นแหละที่ดูตัวเองอยู่ทุกวี่วัน ชีวิตชีวาของคุณก็มาจากการแต่งตัวนี่แหละ ก็ถ้าต้องไปทำงานออฟฟิศทุกวัน ทำไมไม่แต่งชุดทำงานให้มันสวย ๆ ไปทุกวันซ่ะเลย แค่นี้ คุณก็จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น แถมยังช่วยสร้างบรรยากาศน่ามองในที่ทำงานเพิ่มขึ้น เผลอ ๆ อาจจะกลายเป็นสาวฮ็อตประจำออฟฟิศไปเลย

ส่วนคำถามที่ตามมา คือจะแต่งตัวไปทำงานยังไงดี ให้ดูสวยแต่ไม่เยอะ อันนี้ไม่ยากเลย มาดูคำตอบที่นำไปเป็นไอเดียให้คุณสาว ๆ ได้สนุกสนานกัน

  1. เพิ่มลุคธรรมดาประจำวันของคุณให้มีลูกเล่นมากขึ้น หากคุณสาว ๆ ใส่แค่เสื้อเชิ้ต กับกระโปรงทรงเอ หรือทรงดินสอไปทำงาน ลองพันคอด้วยผ้าพันคอผืนเล็ก จะพันแบบสั้นช่วงคอ หรือผูกต่ำ ๆ ใต้คอปกเสื้อ แค่นี้ก็ดูเก๋กว่าเพื่อนแล้ว ที่สำคัญ ควรเลือกสีผ้าพันคอ ให้แมทช์กับกระโปรง เข็มขัด หรือรองเท้าของคุณก็ได้ จะช่วยให้เรื่องราวไปในทางเดียวกัน ดูไม่เยอะ และไม่หลุดด้วยนะ
  2. หากคุณใส่เสื้อแขนกุดกับกระโปรงทรงเอเหนือเข่า ลองหาแจ็คเก็ตแขนกุดซักตัว ใส่คลุมทับลงไป ลุคชิล ๆ ของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน คุณจะดูเป็นคนแต่งตัวเก่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
  3. เดรสยาวของคุณ ลองเลือกเป็นเดรสสีพื้นทั้งตัว เลือกสีที่สดใส กระปรี้กระเปร่า เช่น สีแดง หรือสีที่ให้ความสง่างาม เช่น สีน้ำเงิน สีเขียว หัวใจสำคัญอยู่ที่ ต่างหู รองเท้า และกระเป๋า เลือกให้เป็นสีเดียวกัน เหมือนเป็นลูกเล่นของคุณ แค่นี้ก็ดูแพง ดูมีคลาสแล้ว ระวังอย่าเลือกสีเดียวกับเดรสเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้คุณดูเป็นแพทเทิร์นขึ้นมาในทันที
  4. เสื้อยืดผู้หญิงธรรมดา ๆ ลองใส่คู่กับกระโปรงบอลลูน กระโปรงพลีท แล้วคาดเข็มขัดเส้นโต เลือกโทนสีให้แมทช์กัน แค่นี้เอง ความเท่ ชิค ดูดี จะเป็นของคุณอย่างแน่นอน
  5. เสื้อเชิ้ตสีพื้นของคุณ ลองจับมาแมทช์กับกางเกงขาบาน โทนสีสุภาพดูบ้าง ให้ความรู้สึกเป็นผู้บริหารได้ดีทีเดียว ที่สำคัญลุคนี้ต้องจับคู่กับรองเท้าส้นสูงนะ จะทำให้คุณสง่า และมีขาที่เรียวยาวสวยงาม

สาวออฟฟิศ หากอยากสนุกกับการทำงานประจำมากขึ้น ลองใช้เทคนิคแต่งตัวสวย ๆ ไปทำงานทุกวันดูบ้าง จะทำให้คุณสดชื่นสดใสขึ้นโดยไม่รู้ตัว เปลี่ยนวันเดิม ๆ วันธรรมดาของคุณด้วยตัวคุณเอง นอกจากจะได้รับคำชมเชยจากเพื่อนร่วมงานแล้ว คุณยังเป็นคนที่มีพลังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยนะ

 

เล็บสวย ของสาวยุคใหม่ เลือกสีแบบไหนให้ดูดี ดูแพง

ในเมื่อตั้งใจเลือกเสื้อผ้า หน้าผมมาได้เป๊ะแล้ว หากยังรู้สึกว่าไม่จบ ไม่สุด ลองหันไปชำเลืองมองมือและเล็บของคุณซิ ว่ายังขาดอะไรไปหรือเปล่า รู้ไหมว่าการที่มีเล็บสีสวย ๆ เข้ากับชุด เป็นอะไรที่ทำให้การแต่งตัวของคุณดูหรูหรา ดูแพงขึ้นมาได้แบบไม่ต้องพยายาม แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกสีด้วยนะ หากเลือกสีไม่เข้ากับชุด ไม่เข้ากับตัวคุณ แทนที่จะดูดีขึ้น อาจจะไม่น่ามองขึ้นมาซะอย่างนั้น

แฟชั่นที่เกี่ยวข้องกับเล็บเดี๋ยวนี้มาไกลมาก มีลูกเล่น มีเครื่องประดับเยอะแยะ แพรวพราว เทคนิคลวดลายก็หลากหลายมาก แบบเปรี้ยว แบบหวาน แบบสายดาร์กก็ยังมี สามารถเลือกได้ทุกรูปแบบ แต่จริง ๆ แล้วเล็บที่แสนงามของคุณ อาจจะไม่ต้องจัดเต็มจัดหนักอย่างนั้นทุกครั้งคราก็ได้ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์หลายรูปแบบในแต่ละวัน บางวันเล็บหรูหรา อาจจะไม่เหมาะกับกิจกรรมของคุณก็ได้ แค่เลือกทาเล็บธรรมดา สีสวย ๆ มีสไตล์นิด ๆ แค่นี้ ก็ทำให้คุณดูสวยครบได้ง่าย ๆ แล้ว สำหรับเทรนด์สีทาเล็บใหม่ ๆ ที่กำลังฮ็อตฮิต จะทำให้คุณดูดี มีคลาส และแอบดูแพง มีให้เลือกมากมาย ลองเลือกดูซิว่า สีไหนเข้ากับคุณได้บ้าง ข้อมูลด้านล่างนี้จะบอกคุณเอง

  1. สีนู้ดแบบเนื้อแมทท์ เป็นสีที่ให้ความคลาสสิก หรูหรา และมีความเป็นตัวของตัวเอง ดูมั่นใจ สีนู้ดนั้นมีอยู่หลายเฉดด้วยกัน เลือกให้เข้ากับสีผิวของคุณที่สุด ใช้วิธีทาดูเลย อย่าเลือกจากสีสวย ๆ ที่เห็นในขวด ลองทาที่เล็บดูว่า สีนู้ดโทนนั้น ทำให้มือของคุณดูขาวสว่างมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า เพราะสีนู้ดบางเฉด จะทำให้มือของคุณดูดรอป ดูหมองลง เพราะเฉดที่ไม่เข้ากันนั่นเอง
  2. สีนู้ด เนื้อมันเงา แวววาวนิด ๆ ให้ความรู้สึกหรูหรา ไฮโซ และดูเป็นคุณหนู สีนู้ดแบบนี้จะมีสีที่ค่อนข้างอ่อน ออกโทนชมพูหวาน ๆ สามารถเพิ่มลวดลาย เพิ่มลูกเล่นบริเวณปลายเล็บ ให้ดูโดดเด่นขึ้นมาอีกนิด ก็จะทำให้ดูสวยเก๋ขึ้น
  3. สีใส ๆ คล้ายสีเคลือบเล็บ เหมาะกับสาวเล็บสวย อยากเพิ่มเติมความเงางาม สดใส ให้ดูมีสุขภาพดี ให้สีชมพูนิด ๆ ระเรื่อแบบธรรมชาติ เหมาะกับทุกสถานการณ์ ทุกชุด ทุกโอกาสเลยทีเดียว

สาวบางคนไม่กล้าทาเล็บ ไม่เคยทาเลยก็มีเยอะ เพราะกลัวว่าจะถูกมองว่าแรง เป็นสาวเก่งกล้า ลองเปิดใจ เปลี่ยนความคิดดู เริ่มจากเลือกน้ำยาทาเล็บ สีอ่อน ๆ แบบสีนู้ด คุณภาพดี  เลือกโทนสีที่เหมาะกับผิวคุณ คุณจะได้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป สนุกสนาน และมีชีวิตชีวามากขึ้น ยิ่งเลือกสีที่เข้ากับชุดด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้คุณดูสวย และใส่ใจในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น  ทำให้วันธรรมดา ๆ ของคุณกลายเป็นวันที่สดใสขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

 

คาดเข็มขัด สร้างเอวเอส ดูเป็นสาวรูปร่างดี ทำอย่างไร

หากจะเลือกใส่เสื้อผ้าให้ดูสวย เข้ากับรูปร่างของตัวเอง และเสริมให้บุคลิกภาพให้โดดเด่นน่ามอง ในโลกของแฟชั่นมีเทคนิคการแต่งกายเยอะแยะมากมาย และเข็มขัดก็เป็นอีกไอเทมหนึ่ง ที่ช่วยให้การแต่งตัวของคุณผู้หญิงดูมีเรื่องราวมากขึ้น สามารถเสริมและปรับให้รูปร่างสมส่วนได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย เทคนิคการเลือกใส่เข็มขัดเป็นเรื่องที่สาว ๆ บางคนไม่เคยรู้มาก่อนเลย เรียกว่ามีเส้นเดียวใส่มันทุกชุด เราลองไปดูกันซิว่า มีอะไรให้เลือกใช้บ้างนะ

3 สิ่งที่คุณควรมอง ก่อนซื้อเข็มขัดที่ถูกใจสักเส้น

  1. ความกว้างของเข็มขัด ดูว่าเหมาะสมกับเอว และรูปร่างหรือไม่ เข็มขัดส่วนใหญ่ จะมีขนาด ¾ นิ้ว
  2. สีของเข็มขัด เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าขนาด เพราะช่วยทำให้เอวของคุณดูคอด ดูเล็ก และช่วยทำให้ช่วงตัวของคุณสมส่วนมากขึ้นด้วย
  3. รูปแบบและวัสดุของเข็มขัด เลือกให้แมทช์กับสไตล์ของเสื้อผ้าที่ใส่ จะให้รูปแบบไปในทางเดียวกัน จะทำให้ดูกลมกลืน ไม่ขัดสายตา ช่วยให้ดูดีขึ้นได้อย่างง่ายดาย

เมื่อรู้วิธีการเลือกซื้อเข็มขัดแล้ว ทีนี้มาดูกันว่า สไตล์การแต่งตัวแต่ละแบบ ควรคาดเข็มขัดอย่างไร เพื่อเพิ่มสวย และโดดเด่นให้กับคุณได้

วิธีคาดเข็มขัดให้โดดเด่นน่ามอง

  1. ลุคเบสิคอย่างกางเกงยีนส์ หากอยากเพิ่มความเท่ ดูมีสไตล์มากขึ้น เข็มขัดหนัง เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะยีนส์กับหนังนั้น เป็นของคู่กันมาอย่างยาวนานแล้ว และลุคนี้จะสมบูรณ์มากขึ้น ถ้าคุณจบลงที่รองเท้าหนังสีเดียวกัน หรือโทนสีที่ไปด้วยกันได้กับเข็มขัดหนังของคุณ
  2. เดรสของคุณ จะเปลี่ยนความรู้สึกเรียบง่ายได้ทันที เมื่อคุณคาดเข็มขัดเส้นโต ๆ ทำให้คุณดูมีความเป็นผู้หญิงหุ่นดีมากขึ้นมาอีก
  3. เสื้อตัวโคร่ง ๆ หรือที่เรียกว่าเสื้อโอเว่อร์ไซส์ หากนำเข็มขัดมาคาดทับ แล้วดึงเสื้อออกมานิด ๆ แบบไม่ตั้งใจ จะทำให้การแต่งตัวของคุณดูมีลูกเล่นมากขึ้น เก๋ไปอีก
  4. คาดทับเสื้อคลุมแบบเบรเซอร์ ทำให้ลุคสาวออฟฟิศธรรมดา กลายเป็นสาวมั่นขึ้นมาได้ในทันที
  5. เปรี้ยวแบบดูดีด้วยเสื้อเอวลอย กางเกงขายาว และคาดเข็มขัดสวย ๆ เส้นไม่เล็กมากนัก แค่นี้ คุณก็น่ามองมากขึ้นแล้ว

สาว ๆ บางคนไม่กล้าคาดเข็มขัด เพราะคิดว่าตัวเองนั้นไม่มีเอว ความจริงมันตรงข้ามกันเลย เข็มขัดนี่แหละ สามารถทำให้คุณมีเอวขึ้นมาได้ เพียงแค่คุณรู้จักเลือก และมิกซ์แอนด์แมทช์ให้เป็น ไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบไหน ให้ความสำคัญกับเอวไว้จะดีที่สุด เพราะจะทำให้รูปร่างของคุณดูสมส่วนมากขึ้น และนอกจากนั้นยังทำให้การแต่งตัวของคุณสนุกสนาน และมีลูกเล่นมากยิ่งขึ้นด้วย